amazon

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

5 คำพูด Bill Gates ที่จะบอกว่าความ “ล้มเหลว” นี่แหละคือครูที่ดีที่สุด!

5 คำพูด Bill Gates ที่จะบอกว่าความ “ล้มเหลว” นี่แหละคือครูที่ดีที่สุด!


Bill Gates คือคนที่รวยที่สุดในโลกในเวลานี้ ด้วยวัย 58 ปี เขามีทรัพย์สินสุทธิ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.56 ล้านล้านบาท เขาเป็นทั้งนักคิดค้นนวัติกรรม ชอบทำการกุศล และยังเป็นคนที่มีข้อคิดแรงบันดาลใจมาให้คนทั้งโลกอยู่เสมอๆ
ในปี 1975 Gates ลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดเพื่อร่วมก่อตั้ง Microsoft กับ Paul Allen เพื่อนของเขา และเพียงแค่ 12 ปีต่อมา เขาได้กลายเป็นเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก และสร้างบริษัทซอฟแวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ
Gates คือตัวอย่างของคนที่สำเร็จได้ด้วยตนเอง จากความฝันที่ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แถมเขาก็เรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้ และเขาก็เป็นคนที่ใจบุญมากที่สุดคนหนึ่งของโลกเลยทีเดียว เพราะที่ผ่านมา เขาบริจาคเงินผ่านมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation ไปแล้วกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 896,000 ล้านบาท
วันนี้เราขอนำคำพูดของ Bill Gates ที่จะตอกย้ำความสำเร็จ และความใจบุญของเขา และยังบอกอีกว่า การที่คุณจะประสบความสำเร็จ บางทีคุณอาจจะต้อง “ล้มเหลว” สักครั้งก่อนก็เป็นได้/strong>

 
1. “ความสำเร็จ เป็นครูที่ไม่ดี เพราะมันทำให้คนเก่งๆ หลายคน แพ้ไม่เป็น! ”

ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน การอ่อนน้อมถ่อมตนคือสิ่งที่สำคัญ เพราะความสำเร็จก็เหมือนชีวิตคนเรานั่นแหละ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนไปตลอด คุณสำเร็จในวันนี้ แต่ตื่นขึ้นมาในวันถัดไป ทุกอย่างอาจจะหายวับไปกับตาก็เป็นได้
ทางที่ดีที่สุดก็คือ ถึงแม้วันนี้ชีวิตคุณจะเปลี่ยน เพราะคุณประสบความสำเร็จ แต่อย่าให้มันเปลี่ยนแปลงตัวตนที่อยู่ภายในของคุณ คุณยังปฏิบัติต่อทุกคนรอบตัวเหมือนเช่นเดิม และรู้จักที่จะให้อะไรคืนสู่โลกที่คุณอาศัยอยู่บ้าง
การเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือ เรียนรู้จากความล้มเหลว ไม่ใช่เรียนรู้จากความสำเร็จ เพราะฉะนั้น อย่าให้ความสำเร็จในวันนี้มาบังตาคุณ

 
2. “อย่าเปรียบเทียบตัวคุณเอง กับใครก็ตามในโลก เพราะถ้าคุณทำ คุณกำลังดูถูกตัวเองแล้วล่ะ”
คุณมีความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เพราะฉะนั้น จำไว้ว่า ความสำเร็จมันขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะให้คำนิยามเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตในทุกๆ วันของคุณอย่างมีค่าที่สุด อย่าเปรียบเทียบความสำเร็จของคุณ กับของคนอื่น
เราทุกคนเดินด้วยความเร็วที่ต่างกัน เดินกันคนละเส้นทาง และถึงแม้บางทีเราอาจจะหลงทาง ผิดพลาดไปบ้าง ก่อนที่เราจะสำเร็จ แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ความสำเร็จไม่ใช่หรอ ดังที่ J.R.R. Tolkien เคยกล่าวไว้ว่า “Not all those who wander are lost. – ไม่ใช่ทุกคนที่เดินไปมา คือคนที่กำลังหลงทางทั้งหมดหรอกนะ”


 
3. “ลูกค้าที่โหดสุดๆ ของคุณ หรือไม่พอใจในการบริการของคุณที่สุด คือบทเรียนที่ดีที่สุดของคุณ”

นี่คือคำแนะนำที่ดีมากๆ สำหรับผู้ประกอบการว่า บทเรียนที่ดีที่สุดของคุณ คือลูกค้าที่ไม่พอใจในสินค้าหรือบริการของคุณ ยิ่งถ้าเจอลูกค้าหลายๆ คนบ่นเรื่องเดียวกัน นั่นหมายความว่า คุณรู้แล้วว่า คุณต้องแก้ปัญหาที่จุดไหน
สิ่งนี้ใช้ได้กับ คนอื่นๆ เช่นกันในการใช้ชีวิต เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างดี จากคนที่ไม่ชอบเรา หรือไม่พอใจเรา โดยเฉพาะคนใกล้ตัว เพราะมันทำให้เรารู้ว่า เราควรปรับปรุงตรงไหนหรือเปล่า ที่เขาไม่พอใจมันเพราะอะไร ซึ่งถึงแม้หลายๆ คนอาจจะบอกว่า เราไม่ควรสนใจสิ่งที่คนอื่นคิดมากเกินไป แต่นั่น คือความจริงในแง่ของคนที่เราไม่รู้จัก หรือ คนแปลกหน้า แต่ถ้ากับคนใกล้ตัวเรา เกิดไม่พอใจอะไรเราขึ้นมา นั่นคือเรื่องที่เราต้องคิด และดูว่า เราต้องปรับปรุงอะไรหรือไม่ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือ คุยกับเขา สื่อสารให้เข้าใจกัน และแก้ไขต่อไป 

 
4. “ดีๆ กับพวกเนิร์ดๆ ไว้ก็ดี วันข้างหน้า คุณอาจจะต้องทำงานให้พวกเขาก็ได้”
ความนิยมของบุคคล บางทีมันก็เป็นอะไรที่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ตลอดเมื่อเวลาผ่านไป คนที่ดูขี้แพ้สุดๆ ตอนเรียนประถม พอขึ้นมอปลาย อาจจะกลายเป็นสาวฮอต ได้เป็นควีนงานพรอมของโรงเรียนก็เป็นได้
เหมือนกัน บางทีเราเห็นคนเนิร์ดในหมาวิทยาลัย ก็อาจจะไม่อยากยุ่งด้วย หรือคบด้วย เพราะดูไม่เจ๋ง แต่คิดดูดีๆ พวกนี้บางทีอาจจะออกจากมหาวิทยาลัย ไปสร้างชื่อ สร้างโลก และสุดท้ายคุณอาจจะต้องไปทำงานให้กับคนเหล่านั้นในชีวิตจริงก็เป็นได้
เพราะฉะนั้น การทำดีกับคนอื่นๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม คือสิ่งที่ดี เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้า คนคนนั้นจะกลายไปเป็นใคร เราอาจจะต้องร่วมงานกับเขา ขอความช่วยเหลือเขา หรือเกื้อกูลกันในอนาคต เอาเป็นว่า มนุษยสัมพันธ์ดีไว้ก่อน ดีที่สุด

 
5. “ชีวิตไม่เคยยุติธรรมหรอก…ชินซะเถอะ”
ชีวิตคนเราไม่เคยงดงาม และโรยด้วยกลีบกุหลายหรอกนะ บางคนอาจจะดูชีวิตง่าย บางคนอาจจะมีชีวิตที่ยาก ชีวิตคนเราไม่เคยที่จะยุติธรรมอยู่แล้วล่ะ สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือ “ยอมรับมัน และชินกับมันซะ” พยายามมองเรื่องดีๆ ในเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณ และจำไว้ว่า แสงสว่างจะไม่เกิดขึ้น ถ้ามันไม่มีความมืดมนเกิดขึ้นซะก่อน
เพียงคุณยอมรับมันได้ว่า ความเจ็บปวด ความล้มเหลว คือส่วนหนึ่งของชีวิต ที่เป็นธรรมชาติ คุณก็จะสามารถผ่านพ้นมันไปได้ และใช้มันนั่นแหละเป็นคุณครูที่จะเอาไว้สู้กับปัญหาในครั้งต่อไป
H/T: Elitedaily

20 “ความสำเร็จ” เล็กๆ ที่คนเรามัก “มองข้าม”

20 “ความสำเร็จ” เล็กๆ ที่คนเรามัก “มองข้าม”


บางทีเราก็ชอบคิดว่าเราล้มเหลว เพียงเพราะเรายังไม่รวยซักที ยังไม่มีบ้านหรูๆ คอนโดใจกลางเมือง หรือไม่ได้ขับรถแพงๆ แต่บางทีเราก็ “มองข้าม” ความสำเร็จเล็กๆ ที่เรามี ซึ่งสามารถทำให้เรามีความสุขได้
และนี่คือ 20 “ความสำเร็จ” เล็กๆ ที่เรามัก “มองข้าม”:

 
1. ความสัมพันธ์กับคนรักเริ่มดราม่าน้อยลงกว่าแต่ก่อน
ความสัมพันธ์ที่มีเรื่องดราม่าเยอะๆ คือเรื่องของเด็กๆ เวลาเราโตขึ้น เราจะเริ่มมองทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลขึ้น เรื่องดราม่าจะลดลง ซึ่งนั่นคือสัญญาณที่ดีที่มันเริ่มประสบความสำเร็จแล้ว

 
2. คุณไม่กลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
การขอความช่วยเหลือ ไม่ได้บอกว่า “คุณอ่อนแอ” เพราะไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ทุกคนต้องการความช่วยเหลือ ต้องการทีมเวิร์ค และถ้าคุณขอความช่วยเหลือได้ โดยไม่รู้สึกอาย หรือกลัว นั่นคือคนที่โตขึ้นมาอีกขั้นแล้ว

 
3. คุณยกระดับมาตรฐานของคุณ
คุณทนไม่ได้กับนิสัยบางอย่างของคุณ หรือคนอื่นๆ คุณแก้ไขตัวเอง และไม่สุงสิงกับคนที่มีนิสัยแย่ๆ นี่คือมาตรฐานของคุณสูงขึ้น ที่คุณควรภูมิใจ

 
4. คุณเริ่มปล่อยวางได้
คุณเริ่ม “รัก” ตัวเองมากพอที่จะปล่อยวางสิ่งที่ทำให้คุณไม่มีความสุข หรือทำให้คุณไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ และเลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่ทำให้คุณ “ยิ้มได้” เท่านั้น

 
5. คุณเริ่ม “มีความสุข” เมื่อเห็นตัวคุณเองในกระจก
จริงๆ แล้วคุณควรมีความสุขทุกๆ ครั้งที่ส่องกระจก แต่ถ้ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย หากวันนี้ คุณเริ่มมีความสุขแล้ว นั่นคือ คุณสำเร็จขึ้นมาอีกขั้นแล้ว

 
6. คุณเริ่มเรียนรู้ว่า ความล้มเหลว คือส่วนหนึ่งของการเติบโต
ไม่มีใครสำเร็จได้ 100% ความเป็นจริงก็คือ ชีวิตคนเรามีแพ้มีชนะ ปนกันไป แต่คนที่สามารถเข้าใจและเรียนรู้ได้ว่า “ความล้มเหลว” คือครู และเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ความสำเร็จ คือคนที่สำเร็จบ้างแล้ว

 
7. คุณมีคนคอยผลักดัน และช่วยเหลือคุณในทุกๆ เรื่อง
ถ้าคุณเริ่มแยกออกว่า ใครก็ตามที่รักคุณจริง และคอยช่วยเหลือคุณ กับคนที่เสแสร้ง และไม่จริงใจ หากคุณเริ่มถอยห่างจากคนเหล่านั้นได้แล้ว นั่นคือ คุณสำเร็จ

 
8. คุณบ่นน้อยลง
เพราะคุณเข้าใจว่ามันไม่มีอะไรเพอร์เฟ็ก คุณรับมันได้ เพราะมันเป็นธรรมดาของโลก และถ้าไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาสาหัสจริงๆ คุณจะไม่บ่น นี่คือเรื่องที่ดี ถ้าคุณทำได้

 
9. คุณยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น
การที่คนอื่นสำเร็จ ไม่ได้หมายความว่า คุณล้มเหลว ยิ่งคุณยินดีกับคนอื่นได้มากเท่าไหร่ นั่นคือ คุณส่งพลังงานทางบวกให้กับเขา และมันจะกลับมาสร้างพลังงานทางบวกให้จิตใจคุณเอง

 
10. คุณมีสิ่งที่คุณปรารถนาจริงๆ และคุณก็ตามล่าหามัน
คุณรู้ว่าคุณชอบอะไร ปรารถนาจะทำอะไร ทั้งเพื่อตนเองหรือเพื่อคืนสู่สังคม และคุณยังมีความสามารถมากพอ ที่ไม่ใช่แค่รู้ว่าชอบมันเท่านั้น แต่คุณลงมือทำอย่างจริงจัง 

 
11. คุณมีสิ่งที่คุณตั้งหน้าตั้งตอรอคอย

ถ้าคุณไม่มีสิ่งที่น่าตื่นเต้น ที่คุณรอคอยเลยในชีวิต นั่นกำลังสื่อว่า จิตใจของคุณกำลังแห้งเหี่ยว และตายลงอย่างช้าๆ คนที่สำเร็จ มักมีสิ่งที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยเสมอ เพราะมันทำให้เราตื่นขึ้นมาด้วยลมหายใจที่พร้อมสู้เพื่อวันข้างหน้าอยู่เสมอ 

 
12. คุณมีเป้าหมายเล็กๆ ที่คุณชนะมันมาแล้วในชีวิต
ถึงแม้บางทีคุณจะล้มเหลว แต่ถ้ามองย้อนไป มันมีเป้าหมายเล็กๆ ของคุณตามทาง ที่คุณทำมันสำเร็จมาแล้ว และนั่นแหละที่ทำให้คุณอยู่ต่อ และสู้ต่อได้ 

 
13. คุณมีจิตใจเอื้อเฟื้อต่อคนอื่น
คนที่ไม่เคยสงสารคนอื่น คือคนที่ตายแล้วจากภายใน คนที่รักคนอื่น เหมือนคนในครอบครัวตนเอง จะมีความสุขเพราะพลังงานและความรักที่ส่งออกไป มันย้อนมาหาตัวเขาเอง

 
14. คุณรู้จัก “รักคนอื่น” และพร้อมที่จะ “ถูกรัก” เช่นกัน
ความรัก มันมาพร้อมกับความเสี่ยง เสี่ยงที่จะเสียใจ เสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธ แต่มันก็คือสิ่งที่เราตามหามาตลอด และถ้าคุณเปิดใจรับความเสี่ยงนั้นได้ คุณคือผู้สำเร็จ 

 
15. คุณปฏิเสธที่จะเป็นเหยื่อ
คนที่สำเร็จ จะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของการกระทำใดๆ เขาเลือกที่จะเป็นผู้ชนะ และก้าวข้ามมันไปให้ได้

 
16. คุณไม่ใส่ใจกับความคิดของคนอื่นที่มีต่อคุณ
มีคนรัก ก็มีคนเกลียด แค่คุณรู้ว่าตัวตนของคุณคือใคร และภูมิใจสิ่งที่คุณเป็น ถ้าคุณทำได้ แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะไม่มีใครทำให้ทุกคนในสังคมมารักได้หรอก 

 
17. มองด้านดีของทุกเรื่อง
ชีวิตบางที หรือบางช่วงอาจจะมีแต่เรื่องแย่ๆ แต่ถ้าคุณเรียนรู้ที่จะมองสิ่งนั้นๆ ในด้านดี หรือสิ่งที่คุณจะได้ประโยชน์จากมัน นั่นคือ สิ่งที่ดีมาก และจะทำให้คุณรอดจากเรื่องแย่ๆ มาได้ 

 
18. คุณรับความเปลี่ยนแปลงได้
ชีวิตคนเรา ไม่มีใครเพอร์เฟ็ก ทุกคนน่าจะรู้ข้อเสียของตัวเอง แต่ถ้าใครพอรู้ข้อเสียนั้น และกล้าที่จะเปลี่ยน ยอมรับที่จะเปลี่ยน นั่นคือ คุณสำเร็จแล้ว

 
19. คุณเปลี่ยน ในสิ่งที่คุณเปลี่ยนได้
ต่อจากข้อที่แล้ว พอคุณยอมรับว่าจะเปลี่ยนแล้ว คุณลงมือทำมันอย่างจริงๆ จังๆ ในขณะที่บางคน บอกว่าจะเปลี่ยนตั้งแต่ ปีใหม่ ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ มันยังคงเป็นแค่คำพูดเท่านั้น

 
20. คุณมีความสุข
และนี่คือข้อที่สำคัญที่สุด ถ้าทุกวันนี้คุณ “มีความสุข” ไม่ว่าคุณจะมีเงินเท่าไหร่ มีบ้านแบบไหน มีตำแหน่งงานอะไร หากคุณมีความสุขกับมันได้จริงๆ นั่นคือ คุณสำเร็จในแบบของคุณแล้วล่ะ
H/T: lifehack

คนโสดยกมือ! รวม 7 เหตุผลทำไมคนยุคนี้หา “รักแท้” ยากสุดๆ!

คนโสดยกมือ! รวม 7 เหตุผลทำไมคนยุคนี้หา “รักแท้” ยากสุดๆ!


ใครโสดยกมือขึ้น? ไม่ต้องอาย เพราะคนเขียนก็โสดเหมือนกันฮะ! เคยมั้ยฮะ บางทีก็สงสัยว่า ทำไมบางคนตกหลุมรักกันง่ายจัง ในขณะที่ บางคนก็ยากมากๆ ยากกว่าถูกหวยอีกนะบางที!! ซึ่งหลายๆ คนก็มักจะบอกว่า มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนล่ะ ว่ามีกฎเกณฑ์ในใจยังไง ว่าเอาล่ะ เจอคนแบบนี้ หลงรักแน่ๆ แต่ถ้าแบบนี้ ก็โบกมือบ๊ายบายกันไป! แต่ที่แน่ๆ เขาว่ากันว่าคนรุ่นนี้ ยุคนี้เนี่ย หา “รักแท้” หรือตกหลุมรักยากซะเหลือเกิน ไปดูกันว่า เหตุผลของคนส่วนใหญ่มันคืออะไร
 
กลัวการผูกมัดน่ะสิ!

ถือเป็นเหตุผลใหญ่ๆ เลยที่เดียว ที่ทำไมคนสมัยนี้ลงหลักปักฐานกับคนๆ นึงยาก เพราะบางทีก็กลัวที่จะต้องผูกมัด หรือประกาศอย่างเป็นทางการว่า เอาล่ะ! คนนี้แหละคือคนที่ใช่! ฉันคบกับคนนี้นะ! สาเหตุหลักๆ นะหรอ ก็เพราะการคบใครจริงจังนั้น คุณต้องเสียสละหลายๆ อย่างเพื่อปลูกต้นรัก (ฮิ้ววววววว!) กับคนๆ นั้น ครั้นจะไปมองเหล่สาวคนอื่น หรือหนุ่มกล้ามใหญ่คนไหนก็คงจะไม่ได้ แถมคนเดี๋ยวนี้ก็เลือกที่จะคบเล่นๆ กับไปเรื่อยๆ มากขึ้นนั่นเอง ทำให้การกลัวความผูกมัดเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักเลยล่ะ!

 
กลัวความรักจะล้มเหลวไม่เป็นท่า

สมัยนี้คนรักกันง่าย เลิกกันง่าย คนหย่ากันก็มาก ทำให้บางทีเราเห็นตัวอย่างแบบนี้บ่อยๆ บางทีก็กลัวเหมือนกันนะ ว่าความรักของเราจะไปรอดหรอ หรือไม่มีแฟนไปเลยจะดีกว่านะ?? 

 
มองเรื่องผิวเผินมากเกินไปน่ะสิ

หากจะบอกว่ายุคนี้มีความเป็นวัตถุนิยมมากขึ้นก็คงจะไม่ผิด เด็กสมัยนี้ยึดติดที่รูปร่าง หน้าตา ฐานะ บางคนถึงขั้นบอกว่า หาแฟนทั้งทีต้องมีรถขับ มีคอนโดกลางเมืองอยู่ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เรียกว่าการมองแค่ผิวเผิน หรือมองคนแค่ตื้นๆ เท่านั้น ซึ่งบางทีเนื้อแท้ข้างในอาจจะไม่ดีเหมือนภายนอกก็เป็นได้ และเป็นเหตุให้หลายๆ คู่ต้องจบลงนั่นเอง

 
บอกเลิกมันง่ายกว่า!

หากไม่เด็กน้อยจนเกินไป ก็คงรู้อ่านะว่า ความรัก มันต้องใช้ทั้ง ความพยายาม ความเสียสละ ทั้งเวลา เงินทอง ความใส่ใจ ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น บางทีคนเราก็ขี้เกียจ หรือรักตัวเองมากเกินกว่าที่จะทุ่มเทเพื่อคนอื่นขนาดนั้น และคิดว่าคงมีทางเลือกที่ดีกว่าที่ไม่ต้องเสียสละขนาดนั้น ขอเดินจากไปเองดีกว่า ง่ายที่สุด!

 
มาตรฐานสูงเกินไปนิด

ต้องบอกว่ายิ่งเราโตขึ้น สิ่งที่เราต้องดูว่าคนนี้ คนนั้นจะเหมาะมาเป็นชีวิตคู่เรามั้ยจะมีมากขึ้น เพราะตอนเราเป็นเด็กอาจจะดูแค่เรื่องของนิสัย หน้าตา รูปร่าง แต่เมื่อเราโตขึ้น อาจจะมีเรื่องของฐานะ การเงิน หน้าตาในสังคมที่ต้องเหมาะสมกัน เป็นต้น และมักเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำเลยก็คือ พอเราเจอใครซักคน เราจะพุ่งเป้าไปที่จุดด้อยของเขาก่อนเสมอ และทำให้เรามองข้ามจุดนั้นๆ ไปไม่ได้สักที เอาเป็นว่า เข้าใจว่ามาตรฐานเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าไม่อยากโสดอ่านะ ลดๆ ลงบ้างก็ได้!

 

มีเรื่องอื่นสำคัญกว่าเยอะ

ข้อนี้หนุ่มๆ สาวๆ วัยทำงาน อาจจะเข้าใจดี บางทีหลายๆ คน ก็อยากโฟกัสกับเรื่องงานก่อน อยากมั่นคงก่อน ก่อนที่จะตัดสินใจดูแลใครซักคน แต่บางทีเราตั้งใจทำงานหาเงินมากเกินไป จนเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเลข 3 ก็แล้ว เลข 4 ก็แล้ว!!! สุดท้ายแล้วอาจจะไม่ทันกาลแล้วก็ได้นะ เพราะฉะนั้น มองๆ ไว้บ้างก็ได้ อย่าทำงานอย่างเดียว!

 
ไม่อยากทำร้ายใคร

สำหรับคนที่มีนิสัยเจ้าชู้เล็กๆ มองไปทั่ว บางทีสุดท้ายแล้วอยากจริงจังกับใครซักคน แต่ก็กลัวหัวใจตัวเองว่าจะไม่เข็มแข็งพอที่จะรักใครรักจริง และจะเป็นการทำร้ายคนที่เราจะจริงจังด้วย เลยเลือกที่จะไม่จริงจังกับใครในที่สุด

 
เหตุผลเหล่านี้จะตรงใจคุณหรือไม่ โดนใจใครหลายคนหรือเปล่าไม่รู้ เพราะสุดท้ายมันขึ้นอยู่กับแต่ละคนเป็นหลัก แต่ที่แน่ๆ คุณไม่ใช่คนเดียวแน่ๆ ที่ยังโสดอยู่!!! เพราะฉะนั้นส่งให้คนที่คุณรู้จักและยังโสดอ่านสิ แล้วถามเขาว่า ตรงรึป่าว??

คุณเห็นการ “ขอแต่งงาน” ที่ซ่อนอยู่ในภาพถ่ายวันคริสต์มาสนี้หรือไม่? ถ้าหาไม่เจอ ต้องดู!!

คุณเห็นการ “ขอแต่งงาน” ที่ซ่อนอยู่ในภาพถ่ายวันคริสต์มาสนี้หรือไม่? ถ้าหาไม่เจอ ต้องดู!!


คุณเห็นการ “ขอแต่งงาน” ที่ซ่อนอยู่ในภาพถ่ายวันคริสต์มาสนี้หรือไม่? ถ้าหาไม่เจอ ต้องดู!!


ผู้ชายหลายๆ คนเลือกที่จะ “ขอแต่งงาน” ในวันเทศกาลต่างๆ แต่คงไม่มีใครฉลาดเท่าผู้ชายคนนี้ ไปดู!

เป็นปกติ ที่จะมีการถ่ายรูปรวมในวันคริสต์มาสกับครอบครัว คนรัก และเพื่อนๆ เมื่อ ครอบครัวของ Jamie ทำเสื้อเป็นตัวอักษรเพื่อเรียงกันเป็นคำว่า “Merry Xmas” เธอไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นตามมา 
xmas1

เธอไม่รู้เลยว่า Tyne แฟนหนุ่มของเธอ เตรียมกับทุกคนในครอบครัวของเธอไว้แล้วว่าจะมีเซอร์ไพรส์ให้กับเธอ ส่วน Tyne และ Jamie คือคนไหนในภาพนั้น พวกเขาคือคนที่ใส่เสื้อหนาวสีแดงในแถวหน้านั่นเอง 

 
และทันใดนั้น คนในครอบครัว ก็แอบสลับตัวอักษรด้านหลังอย่างเงียบที่สุด ไม่ให้ Jamie รู้ตัว ตอนที่พวกเขากำลังยิ้มที่จะถ่ายรูป
xmas2

 
และพอถ่ายภาพเสร็จ ภาพที่ออกมานั้น ก็ไม่ใช่คำว่าสุขสันวันคริสต์มาสแต่อย่างใด แต่มันคือประโยคนี้…
xmas3

 
ปฏิกิริยาของ Jamie หลังจากเห็นภาพนี้ มันยากที่จะบรรยายจริงๆ ไปดูกันเลย:

Kerry Langdon Down

H/T: Distractify

หากเรื่องราวการ “ขอแต่งงาน” ครั้งนี้โดนใจคุณ ก็อย่าลืมแชร์ให้คนรอบข้างของคุณดูล่ะ แชร์เลย!

ความจริง 14 ข้อเกี่ยวกับ “แพนด้า” ที่น้อยคนนักที่จะรู้!

ความจริง 14 ข้อเกี่ยวกับ “แพนด้า” ที่น้อยคนนักที่จะรู้!


มนุษย์เราพยายามอนุรักษ์ แพร่พันธุ์ ช่วยเหลือเจ้าหมีน่ารักๆ อย่าง “แพนด้า” มาเป็นเวลานาน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ความจริงเหล่านี้เกี่ยวกับเจ้า “แพนด้า” นอกจากจะรู้ว่ามันมีสองสี ขาวกับดำอยู่ในตัว เรามาดูกันเลยว่า มีอะไรบ้าง ที่เรายังไม่เคยรู้เกี่ยวกับเจ้าหมีแสนน่ารักตัวนี้ 

 

1.) 99% ของอาหารที่แพนด้ากินคือไผ่ ซึ่งไผ่จริงๆ ไม่ได้ดีต่อแพนด้าเลย 

Source: Viralnova

 
2.) ประชากรแพนด้าในโลกตอนนี้มีอยู่แค่ 2,000 ตัว 

Source: Viralnova

 
3.) แพนด้าทุกตัวบนโลกใบนี้ เป็นแพนด้าที่ “ยืม” มาจากจีนเท่านั้น 

Source: Viralnova

 
4.) แพนด้าอุจจาระสูงสุดถึง 40 ครั้งต่อวัน 

Source: Viralnova

 
5.) ลูกแพนด้าจะกินอุจจาระของแม่มันเองในตอนเด็ก 

Source: Viralnova

 
6.) แพนด้าเป็นที่รู้จักในยุโรปครั้งแรกตอนปี 1869 เมื่อมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสได้ขนแพนด้าเป็นของขวัญ 

Source: Viralnova

 
7.) แพนด้าตัวเมียจะเจริญพันธุ์เพียงแค่ 3 วันต่อปีเท่านั้น ที่จะสามารถผสมพันธุ์ได้ 

Source: Viralnova

 
8.) เมื่อลูกแพนด้าเกิด จะมีการส่งกลับจีนทาง FedEx ทันที เพื่อควบคุมประชากร 

Source: Viralnova

 
9.) สาเหตุหนึ่งที่ World Wildlife Foundation เลือกแพนด้าเป็นตราโลโก้เพราะช่วยประหยัดหมึกเวลาปรินท์ได้มาก 

Source: Viralnova

 
10.) แพนด้าอยู่บนโลกนี้มา 2-3 ล้านปีแล้ว 

Source: Viralnova

 
11.) ขนแพนด้ามีค่าราว 1.9 ล้านถึง 3.2 ล้านบาทในตลาดมืด 

Source: Viralnova

 
12.) แพนด้าหนึ่งตัวต้องการพื้นที่อย่างน้อย 4 ตารางไมล์ ในการอยู่รอดอย่างสบายๆ 

Source: Viralnova

 
13.) ช่วงชีวิตของแพนด้าในป่าอยู่ที่ราว 20 ปี 

Source: Viralnova

 
14.) นักวิจัยแพนด้า ต้องสวมชุดแพนด้า เพื่อทำการทดลองต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตตัวนี้ 

Source: Viralnova

H/T: Viralnova
หวังว่าเราจะสามารถช่วยกันอนุรักษ์เจ้าหมีแสนน่ารักอย่าง “แพนด้า” นี้ได้อีกยาวนาน เพราะโลกนี้คงสดใสน้อยลงไปเยอะ ถ้าไม่มีมัน!

“แมวหน้าบึ้ง” ตัวนี้ทำเงินให้เจ้าของ 3,200 ล้านบาทใน 2 ปี!! เพราะอะไร? ไปดู!

“แมวหน้าบึ้ง” ตัวนี้ทำเงินให้เจ้าของ 3,200 ล้านบาทใน 2 ปี!! เพราะอะไร? ไปดู!



เจ้า “แมวหน้าบึ้ง” ที่โด่งดังบนโลกออนไลน์ด้วยสีหน้าอารมณ์ และความรู้สึกที่ดูบูดบึ้งตลอดเวลาตัวนี้นั้น ทำรายได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 3,200 ล้านบาทให้กับ Tabatha Bundesen เจ้าของของมันที่ Morristown, Ariz ภายในเวลา 2 ปี ซึ่งเจ้าแมวตัวนี้นั้น เกิดมาด้วยสภาพที่เป็นแคระ และมีหน้าตาแบบนี้ตั้งแต่เกิด
grumpy-cat
Real Grumpy Cat
Bundesen กล่าวว่า แมวของเธอ ซึ่งมีชื่อว่า Tardar Sauce นั้น ถูกทาบทามให้ลงปกหนังสือ โฆษณา ภาพยนตร์ มาตั้งแต่ปี 2012 โดยครั้งแรกเริ่มลงใน Reddit และ YouTube
และหลังจากที่แมวของเธอเริ่มสร้างรายได้ทาง Social Media ทำให้เธอสามารถลาออกจากการประจำจากการเป็นพนักงานเสิร์ฟได้
และนี่คือวิดีโอแมวของเธอที่แพร่หลายมากบนโลกออนไลน์ มียอดวิวกว่า 16 ล้านวิวเลยทีเดียว


Real Grumpy Cat

“สิ่งที่เจ้าแมวตัวนี้ทำสำเร็จ มันน่าทึ่ง และไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้” – Bundesen


Getty Images Neilson Barnard


Charles Sykes/Bravo / NBCU Photo Bank via Getty Images)
นับตั้งแต่เจ้าแมวตัวนี้เริ่มออกสื่อ และโลกออนไลน์เมื่อสองปีก่อน จนถึงตอนนี้ มันสร้างรายได้แล้วกว่า 3,200 ล้านบาท จากทั้งการลงปก ลงโฆษณา การโชว์ตัว การเป็นพรีเซนเตอร์กาแฟของเธอเองกับชื่อ “Grumppuccino” นอกจากนี้เจ้าแมวตัวนี้ยังเป็น “spokescat” ให้กับอาหารแมว Friskies อีกด้วย ทำให้ได้มีโอกาสลงปก New York magazine เลยทีเดียว
grumpy cat book
www.papyrusonline.com

Grumpy Cat merchandise
www.papyrusonline.com


FOX via Getty

Grumppuccino
Grumppuccino
และตอนนี้เจ้า Tadar Sauce มีเอเจนท์ตัวแทนดูแลคือ Ben Lashes และมีแฟนในเพจเฟสบุ๊กถึง 6.2 ล้านไลค์ และคนติดตามในอินสตาแกรมกว่าครึ่งล้านคน
และเธอยังมีภาพยนตร์เรื่อง Grumpy Cat’s Worst Christmas Ever ซึ่งเป็นภาพยนตร์แมวเรื่องแรก พากย์เสียงโดย Aubrey Plaza โดยมีคนเข้ามาดูถึง 1.8 ล้านคนเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต
และนี่คือตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว :


Lifetime
เจ๋งมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ?

Grumpy Cat
H/T: Buzzfeed 
หากเรื่องนี้โดนใจคุณ ก็อย่าลืมแบ่งปันให้เพื่อนๆ และคนรอบข้างของคุณล่ะ แชร์เลย!