amazon

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

มาดูกัน “กำแพงหิมะ” สูงกว่า 20 เมตรสุดอลังการที่ญี่ปุ่น

มาดูกัน “กำแพงหิมะ” สูงกว่า 20 เมตรสุดอลังการที่ญี่ปุ่น



เมื่อนึกถึงหิมะ คุณคงนึกถึงภาพของความขาวโพลน และความเยือกเย็น แต่ธรรมชาติก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ให้เป็นความงดงามที่หาใครเหมือนไม่ได้ดั่ง “กำแพงหิมะ” สุดอลังการที่ญี่ปุ่นแห่งนี้

 

Photograph by SIEMA @ Panoramio.com
เส้นทาง “Tateyama Kurobe Alpine” เป็นเส้นทางชมภูเขาทางยาว 90 กิโลเมตร พาดผ่านความสูงกว่า 3,000 เมตรของภูเขา North Alpine บริเวณนี้ได้ฉายาว่าเป็น “หลังคาของประเทศญี่ปุ่น” ซึ่งเชื่อมต่อไปยัง Toyama และ Shimano Omachi คุณสามารถชื่นชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ได้ด้วยทางรถไฟ รถบัส และกระเช้าเคเบิล ตั้งแต่ที่เส้นทางนี้เปิดในเดือนมิถุนายน ปี1971 ภูเขา Tateyama ได้ถูกเปลี่ยนจากจุดที่ไม่มีผู้คนสนใจ กลายมาเป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดจุดหนึ่งของประเทศที่มีนักเที่ยวหลายล้านคนมาเยี่ยมชมในทุก ๆ ปี
บริเวณที่เรียกกันว่า “Murodo-dair” ของภูเขา Tateyama เป็นบริเวณที่มีหิมะตกมากที่สุดจุดหนึ่งของโลก โดยหิมะมีความสูงมากถึง 7 เมตร โดยเฉพาะบริเวณ “Otani” ที่อยู่ห่างจากสถานี Murodo ด้วยการเดินเท้าประมาณ 5 นาที อาจมีหิมะสูงถึง 20 เมตร สาเหตุก็เนื่องมาจากมีหิมะถล่มลงมา และก่อให้เกิด “กำแพงหิมะ” ขนาดยาว 500 เมตร ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของทุกปี














Photo Credits: Uryah @ Wikimedia Commons | SIEMA @ Panoramio.com

H/T: Twistedsifter

เห็นอย่างนี้แล้ว ก็น่าที่จะไปเห็น และสัมผัสด้วยตาของเราเองซักครั้งกับความสวยงาม และความอลังการที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้พวกเราได้ชมกัน หากคุณมีสถานที่สุดอลังการแบบนี้ อย่าลืมส่งมาให้พวกเราชมบ้างหละ และถ้าชอบความอลังการอย่าง “กำแพงหิมะ” นี้ อย่าลืมที่จะกดแชร์ด้วยนะ!

22 ข้อที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับ “การมีเซ็กส์” !!

22 ข้อที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับ “การมีเซ็กส์” !!



มันมีอะไรมากกว่าความพึ่งพอใจ ความสุข และความฟิน สำหรับ “การมีเซ็กส์”​ และนี่คือเรื่องที่หลายๆ คนไม่เคยรู้ แต่ควรรู้เกี่ยวกับ “การมีเซ็กส์” ไปดูเลยว่ามีอะไรบ้าง!

 
1.การ “ขมิบ” มีประโยชน์ต่อสมรรถภาพทางเพศทั้งหญิง และชาย

instagram.com

การ “ขมิบ” นั้น สำหรับผู้ชาย มีการวิจัยออกมาแล้วว่า จะช่วยแก้ปัญหาการหลั่งเร็วได้ภายในสองสามเดือนที่คุณออกกำลังกายผ่านการขมิบบ่อยๆ ส่วนผู้หญิง ก็จะช่วยให้ส่วนนั้นของคุณกระชับ ควบคุมการปัสสาวะ และการถึงจุดสุดยอดที่ดีขึ้นอีกด้วย

 
2.คนที่สูบบุหรี่จะอวัยวะเพศแข็งตัวน้อยกว่าปกติ

FOX / Via mtv.com

ผลวิจัยชี้ว่า การตอบสนองทางเพศของชายและหญิงที่สูบบุหรี่จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนที่เลิกสูบบุหรี่นั้น ก็สามารถกลับมามีสมรรถภาพทางเพศที่ดีขึ้นได้

 
3.เวลาไปตรวจภายใน หรือ ตรวจร่างกาย หมอไม่ได้ตรวจคุณทุกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

FOX / Via mtv.com

หลายๆ คนคงคิดว่าไปตรวจร่างกาย หรือตรวจภายในสำหรับผู้หญิง หมอคงตรวจทุกอย่างเอง แต่ไม่ใช่ หากคุณไม่มีอาการ หรือ บ่งบอกอย่างชัดแจ้งว่าจะตรวจโรคนู่นนี่ หมออาจจะไม่ตรวจให้คุณ อาทิ HPV, herpes หรือ Syphilis เป็นต้น เพราะฉะนั้น ข้อแนะนำคือ การตรวจร่างกายทุกครั้งที่คุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การมีคู่ครองคนใหม่ หรือมีคู่นอนหลายคน เป็นต้น

 
4.การดื่มเหล้า ไม่ได้ทำให้ “เซ็กส์”​สนุกขึ้น

imgur.com

ผลวิจัยชี้ว่า การกินเหล้าก่อนมีเซ็กส์ ทำให้การตอบสนองทางเพศลดลง เพราะจริงๆ แล้วแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ระงับ หรือกดประสาทนั่นเอง

 
5.Sex มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่คุณคิด

imgur.com

ผลวิจัยบอกว่า การมีเซ็กส์ช่วยให้ความดันต่ำลง คลายเครียด บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน และเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายอีกด้วย

 
6.Sex เผาผลาญแคลอรี่ 3-4 แคลอรี่ต่อนาที

Universal Pictures / Via popsugar.com

ผู้ชายและผู้หญิงจะเผาผลาญ 4.2 และ 3.1 แคลอรี่ต่อนาทีขณะมีเซ็กส์ตามลำดับ และนอกจากนี้ผลวิจัยยังบอกว่า เมื่อทดลองวัดการใช้พลังงานในการมีเซ็กส์ เทียบกับการออกกำลังกายปกติ พบว่าการมีเซ็กซ์มีความเข้มข้นในการใช้พลังงานคิดเป็น 2/3 ของการออกกำลังกายเลยทีเดียว

 
7.การถึงจุดสุดยอด ส่งผลบางอย่างที่ประหลาดกับสมองคุณ

NBC / Via millsbizz.tumblr.com

ในช่วงเวลาวินาทีสั้นๆ ระหว่างการถึงจุดสุดยอดของคุณ สมองจะปิดกั้นความรู้สึกกลัว เพิ่มความสุข และความพึงพอใจให้กับคุณ โดยเฉพาะจุดสัมผัสต่างๆ จะตอบสนองเร็วกว่าปกติอีกด้วย เช่น บริเวณอวัยวะเพศและหัวนม เป็นต้น

 
8.ทุกคนเคยแสร้งว่าถึงจุดสุดยอด หรือ fake orgasms นั่นเอง

NBC / Via millsbizz.tumblr.com

หลายๆ คนคงคิดว่าการแสร้ง หรือทำทีว่าถึงจุดสุดยอดนั้นเกิดขึ้นได้เฉพาะผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะผลวิจัยออกมาแล้วว่า สามารถเกิดขึ้นกับผู้ชายได้เช่นกัน และมีผู้ชายไม่น้อยที่เคยทำมาก่อน

 
9.บางคนแสร้งว่าถึงจุดสุดยอดเพราะเหตุผลสุดสวีท

The Lonely Island / Via imgur.com

จากการสำรวจผู้หญิงที่แสร้งถึงจุดสุดยอด 481 คน พบว่า เธอทำมันเพราะปกป้องความรู้สึกของคนรัก เพราะกลัวว่าเขาจะรู้สึกว่าทำให้เธอถึงจุดสุดยอดไม่ได้

 
10.แต่คนจำนวนมากแสร้งว่าถึงจุดสุดยอดเพราะอยากให้มันจบๆ ไป

Universal Pictures / Via giphy.com

สองเหตุผลหลักที่คนเรา fake orgasm คือต้องการให้การมีเซ็กส์ในครั้งนั้นจบๆ ไปซะที หรือ รู้สึกไม่มั่นใจ หรือแปลกกับคู่นอนของพวกเขานั่นเอง

 
11.มันเป็นเรื่องปกติมากที่คนเราไม่ต้อง “ถึงจุดสุดยอด” ทุกครั้งที่มีเซ็กส์ เพราะฉะนั้น ยอมรับเสียเถอะ

Twentieth Century Fox / Via quickmeme.com

ผลวิจัยชี้ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ถึงจุดสุดยอดทุกครั้งที่มีเซ็กส์ โดยตัวเลขของฝ่ายหญิงจะอยู่ที่ 2/3 และฝ่ายชายอยู่ที่ 91%

 
12.ลองเปลี่ยนท่า เปลี่ยนบรรยากาศอาจช่วยให้ถึงจุดสุดยอดดีขึ้น

NBC

เมื่อพูดถึงจุดสุดยอด มันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนมากๆ ว่าอะไรที่ช่วยได้ แต่การทำหลายๆ อย่างประกอบกันอย่างเช่น การใช้ปาก การใช้เครื่องเล่น หรือจะเป็น การเปลี่ยนท่า เพิ่มบรรยากาศ มันพอจะช่วยได้ อยู่ที่คุยต้องพูดคุยกับคู่นอน หรือคนรักของคุณ เพราะนี่คือเรื่องสำคัญ

 
13.การใช้สารหล่อลื่น ช่วยเรื่องถึงจุดสุดยอดได้เช่นกัน

SNL Studios / Via reactiongifs.com

ผลวิจัยชี้ว่า มันมีประโยชน์กับทั้งหญิงและชายในการใช้สารหล่อลื่นเข้ามาช่วย เพราะฉะนั้น อย่าลืมลองล่ะ! ไม่ลองไม่รู้!

 
14.การออกกำลังกายทำให้เรื่องบนเตียงดีขึ้น

SNL Studios / Via reactiongifs.com

การออกกำลังกายช่วยให้การตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางเพศดีขึ้น มีเซ็กส์ได้นานขึ้น แข็งแรงขึ้น มั่นใจขึ้น เพราะฉะนั้น อย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอล่ะ

 
15.บางคนถึงจุดสุดยอดจากการออกกำลังกายอย่างเดียว

MTV / Via perezhilton.com

คำว่า “Coregasms” หรือการถึงจุดสุดยอดจากการออกกำลังกายคือเรื่องจริง สำหรับผู้ชายมีการรายงานว่า บางคนถึงจุดสุดยอดจากการทำ Pull-ups หรือการโหนบา ส่วนผู้หญิงบางคนถึงจุดสุดยอดจากการเล่นโยคะ หรือการซิตอัพ

 
16.การใช้ปาก ช่วยให้อวัยวะเพศชายใหญ่ขึ้น

forums.somethingawful.com

จากการทดลองโดยการให้ชายวัดขนาดอวัยวะเพศขณะแข็งตัวนั้น พบว่า คนที่เพิ่งได้รับการใช้ปากมาจะวัดได้ใหญ่กว่า

 
17.หากคุณผู้หญิงกำลังจะมีเซ็กส์ แบบสอดใส่ ควรเตรียมความพร้อมจุดนั้นก่อน

gifbay.com

การเตรียมความพร้อมที่ว่าคือ การทำให้อารมณ์ของคุณพลุ่งพล่านก่อนที่จะมีการสอดใส่จริง เพื่อเพิ่มความดันเลือด ให้อวัยวะเพศของคุณพร้อมรับการสอดใส่ โดยการเตรียมพร้อมก็อย่างเช่น การใช้ปากของอีกฝ่าย การเล่นที่ประตูหลัง เป็นต้น

 
18.แทบจะทุกคนอยากให้ “การเล้าโลม”​ ยาวนานกว่าที่เป็น

gifbay.com

ทุกๆ คนทั้งหญิงชายจากการสำรวจพบว่าอยากให้ช่วง “เล้าโลม” ยืดยาวราว 18-19 นาที แต่เรื่องจริงอยู่ที่ประมาณ 11 นาทีเท่านั้นจากปากของบรรดาผู้หญิง และ 13 นาทีจากฝ่ายชาย

 
19.หลายๆ คู่พยายามป้องกัน แต่ล้มเหลว

Paramount Pictures / Via buzzfeed.com

จากผลสำรวจพบว่ามีถึง 59% จากคนที่ป้องกันการมีลูก หรือโรคติดต่อ อย่างเช่นใช้ถุงยาง กินยา หรืออื่นๆ นั้น ป้องกัน แต่ทำไม่ถูกต้อง อาทิ บางคนเอาถุงยางออกเร็วไป บางคนใส่ถุงยางขณะที่เริ่มสอดใส่ไปบ้างแล้ว

 
20.หลายๆ คู่เลิกใช้ถุงยางหลังจากคบกันสักพักเพราะไว้ใจ! หยุดความคิดนี้ด่วน!

Paramount Pictures / Via buzzfeed.com

จำไว้เลยว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคไม่แสดงอาการ เพราะฉะนั้น เพื่อคุณเอง และคนที่คุณรัก ใส่ถุงยางเสมอ จนกว่าคุณทั้งคู่จะแต่งงานอยู่กิน และตรวจร่างกายสม่ำเสมอจริงๆ แล้วเท่านั้น

 
21.การคุยกันหลังร่วมรักเสร็จคือเรื่องที่ดี ที่คุณควรทำ

FOX / giphy.com

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณทั้งคู่ถึงจุดสุดยอดร่วมกัน การได้คุยกันหลังร่วมรัก จะสร้างความใกล้ชิด ความผูกพันธ์ได้มากเลยทีเดียว ลองสิ

 
22.การมีเซ็กส์บ่อยๆ ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย

FOX / giphy.com

การมีเซ็กส์ หรือ การได้ปลดปล่อยอย่างน้อย 21 ครั้งต่อเดือน จากผลวิจัยชี้ว่า ทำให้คุณผู้ชายมีความเสี่ยงการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากลดลง
H/T: Buzzfeed

การมีเซ็กส์ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย มันคือเรื่องธรรมชาติ และความรู้พวกนี้คือเรื่องจำเป็นที่ควรรู้ เพราะฉะนั้น แชร์เลย!

9 เรื่องร้ายที่จริงๆ กลับซ่อน “เรื่องดี” ไว้แต่คุณไม่รู้!!

9 เรื่องร้ายที่จริงๆ กลับซ่อน “เรื่องดี” ไว้แต่คุณไม่รู้!!




9 วันร้ายๆ ในชีวิตของคุณ ที่จริงๆ แล้วมันมี “เรื่องดี” ซ่อนอยู่ เพียงแค่เราต้องปรับความคิด เปลี่ยนมุมมองเท่านั้น แล้วคุณจะรู้ว่ามันคือประสบการณ์ที่คุณจะสามารถเรียนรู้ได้จากมัน ในวันที่คุณก้าวผ่านมันมาได้นั่นเอง มาดูกันเลยว่ามีวันไหนบ้าง ที่จริงๆ แล้วมีเรื่องดีซ่อนอยู่

 
1.วันที่คุณโดน “นอกใจ” และจับได้
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากให้เกิดขึ้น มันเจ็บ มันทรมาน ที่เห็นคนที่คุณรัก ไว้ใจ เชื่อใจ หักหลังและนอกใจไปมีคนอื่น แต่จำไว้นะว่าคนที่เจ้าชู้ มันยากที่จะหยุด มีการนอกใจครั้งแรก ก็มีครั้งต่อไปได้อีก และการที่คุณจับได้ บอกเลิกและเดินหน้าต่อ มันดีกว่าการที่คุณโดนหลอกไปวันๆ โดยที่คุณไม่รู้อย่างแน่นอน 

 
2.วันที่คุณไม่ได้งานที่คุณอยากได้มาตลอดชีวิต
หลายๆ ครั้งเราไม่ได้ในสิ่งที่เรา “ต้องการ” แต่เชื่อสิ เราจะได้ในสิ่งที่ “จำเป็น” มาแทน การที่คุณไม่ได้งานในฝัน ไม่ได้หมายความว่าคุณล้มเหลว เพราะมันยังมีโอกาสที่ดีกว่ารอคุณอยู่ที่ไหนสักแห่งเสมอแหละ จำไว้ว่า เมื่อประตูหนึ่งถูกปิดลง มันมักจะมีอีกประตูเปิดขึ้นเสมอ

 
3.วันที่คุณโดนไล่ออก
การที่คุณโดนไล่ออก เหตุผลที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ คุณทำงานนั้นไม่ได้ดี คุณไม่ถนัดในทางนั้น หรือคุณไม่ชอบมัน ทำให้คุณทำมันออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร เรื่องดีที่คุณมองได้จากการที่คุณโดนไล่ออกก็คือ บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วจริงๆ ก็ได้ ที่คุณควรทำในสิ่งที่คุณชอบจริงๆ เพราะถ้าคุณชอบงานๆ ใด คุณจะอยากเรียนรู้มัน อยากทำมันออกมาให้ดีอย่างแน่นอน

 
4.วันที่คุณรู้สึกว่าคุณทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่ดีพอ
มันเป็นหนึ่งในประสบการณ์การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว แต่มันยังไม่ดีพอ โดยเฉพาะคนที่คนรอบข้าง และสังคมคาดหวังคุณว่าเป็ฯคนที่มีความสามารถ มีพรสวรรค์ แต่บางที ครั้งนี้มันคือการเตือนว่า แค่มีพรสวรรค์ และความสามารถมันยังไม่พอ คุณต้องพยายามมากกว่านี้อีก อย่าไปคิดมาก มันคือการเตือนเท่านั้นเอง

 
5.วันที่คุณรู้สึกว่าคุณตกลงมายังจุดที่ต่ำที่สุดในชีวิต
น้อยครั้งในชีวิต เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น ส่วนมากที่มันเกิดขึ้น มันคือความผิดของเราเอง แต่เราเลือกที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นหรือไม่ คืออีกเรื่อง แต่เรื่องที่ดีที่แฝงตัวอยู่ในเรื่องนี้คือ เมื่อคุณตกอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุด มันคือเวลาที่คุณจะนั่งคิดว่า เพราะอะไรคุณถึงมาอยู่ ณ จุดนี้ได้ และคุณจะปีนกลับไปยังจุดเดิมที่คุณอยู่ หรือจุดที่สูงกว่าได้อย่างไร

 

6.วันที่คุณโดนเพื่อน “แทงข้างหลัง”
เพื่อนดีๆ หายากแล้ว การแยกเพื่อนที่ดี ออกจากเพื่อนที่ไม่ดีบางทียากยิ่งเข้าไปอีก เพราะบางทีคนเราก็มีหน้ากากบางๆ สวมใส่ไว้เสมอ ที่ทำให้เราแยกไม่ออก เพราะฉะนั้น หากเกิดเรื่องราวใดๆ ก็ตาม ที่คุณรู้สึกว่าคุณโดนคนที่คุณคิดว่าเป็น “เพื่อน” หักหลังเข้าแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องดีที่คุณสามารถกำจัดเพื่อนไม่ดีออกไปได้ยังไงล่ะ

 
7.วันที่คุณอกหักและใจสลาย
การอกหัก ทำให้คุณรู้สึกและได้เห็นตัวตนของคุณที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีทั้งด้านมืด และขณะเดียวกัน ด้านสว่างจะค่อยๆ ฉายออกมา การอกหักหนักๆ ถ้าคุณผ่านมาได้ คุณจะโตขึ้นมาก คุณจะกลายเป็นอีกคนที่ไม่เหมือนเดิม และแน่นอนว่าจะเป็นคุณในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น

 
8.วันที่คุณเสียคนที่คุณรักไป
ความสวยงามของชีวิต คือการที่มันไม่เป็นอมตะ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทำให้โลกนี้สวยงาม การที่เราสูญเสียคนที่เรารักไป มันยากที่จะทำใจได้ แต่ข้อดีของมันคือการทำให้เราเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตมากขึ้นนั่นเอง

 
9.วันที่คุณ “เกือบ” ยอมแพ้ แต่คุณก็ไม่
จำวันนั้นให้ดี วันที่คุณหลังชนกำแพง รู้สึกเหมือนหมดหนทางไป เกือบจะ “ย้อมแพ้” ทุกอย่าง แต่คุณก็ไม่ได้ทำ คุณยังกัดฟันลุกขึ้นสู้ต่อไป นั่นแหละคือคุณสำเร็จไปขั้นแล้ว ความสำเร็จมันขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละคน ขอเพียงแค่คุณไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จแล้ว

7 ข้อที่จะช่วยให้คุณ “ลุกขึ้น” ได้อีกครั้งเมื่อคุณล้มในชีวิต

7 ข้อที่จะช่วยให้คุณ “ลุกขึ้น” ได้อีกครั้งเมื่อคุณล้มในชีวิต




มันมีความจริงข้อนึงในชีวิตที่ดูเหมือนจะเข้าใจง่าย แต่พอเอาเข้าจริง มันทำใจให้ยอมรับและปฏิบัติตามได้ยาก มันคือความจริงที่ว่า “ชีวิตคนเราไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ” ไม่มีใครที่เก่งไปทุกเรื่อง และในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครที่ล้มเหลวไปซะทุกเรื่อง นี่คือชีวิต นี่คือความจริง คนจำนวนไม่น้อย ที่รับความจริงข้อนี้ไม่ได้ และการล้มเหลวในบางครั้ง ทำให้พวกเขาจมอยู่กับความผิดพลาด เกลียดตัวเองที่ทำผิดพลาด และไม่สามารถ “ลุกขึ้น” ยืนได้อีกครั้ง หรือทำได้ แต่ใช้เวลานานเกินไป กว่าที่จะได้ทำสิ่งอื่นๆ ที่มีค่ามากกว่าการจมอยู่กับอดีต วันนี้เราเลยขอเอาข้อคิดดีๆ มาฝากผู้อ่านกับ 7 ข้อที่จะช่วยคุณ “ลุกขึ้น” อีกครั้งเมื่อคุณล้มในชีวิต ไปดูเลยว่ามีอะไรบ้าง 

 
1.พักสักนิด
บางครั้งเราก็ต้องการเบรคจากสิ่งที่เราทำ หรือใช้ชีวิตด้วยมาเป็นเวลานานๆ บ้าง อาจจะเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือเปลี่ยนทางเดินในชีวิต เพียวแค่คุณรู้ไว้ว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุผลของมัน เพราะฉะนั้น พักเสียก่อน เคลียร์จิดใจและสมองให้โล่ง แล้วคุณจะเข้าใจภาพที่สิ่งที่เกิดขึ้นดีขึ้น

 
2.อย่าคิดมาก
การคิดมากไม่เคยช่วยใคร ครั้งหนึ่งมีคนกล่าวว่า “Worrying is like a rocking chair, it keeps you busy but takes you nowhere.” หมายความว่า การคิดมากวิตกกังวลไม่ทำให้คุณก้าวหน้าไปไหน สิ่งที่มันทำ คือทำให้คุณยุ่งไปวันๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้ารู้ว่าคุณเองเป็นคนคิดมาก หากิจกรรมอื่นๆ ที่มีประโยชน์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ทำอะไรก็ได้ที่คุณทำแล้วมีความสุข โฟกัสอยู่กับปัจจุบัน และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณ เพราะมันคือสิ่งเดียวที่คุณควบคุมได้ แต่สิ่งที่เกิดไปแล้ว คุณทำอะไรกับมันไม่ได้แล้ว

 
3.คิดซะว่ามันเป็นบทเรียนให้เราแกร่งและโตขึ้น
ปัญหาต่างๆ ในชีวิตเกิดขึ้นเพราะเหตุผลของมัน วิธีที่ดีที่สุดในการหาเหตุผลให้มันและทำให้เราผ่านมันไปได้คือการคิดว่า มันคือบททดสอบที่ท้าทายความแข็งแกร่งของเรา บางทีมันอาจเกิดขึ้นเพื่อผลักดันเราให้เดินทางไปอีกทางหนึ่ง ที่ปกติเราอาจจะไม่เลือก ใช้ปัญหาที่เกิดขึ้น เรียนรู้จากมัน พัฒนาตัวเอง ปฏิวัติตัวเอง จำไว้ว่า คนส่วนมากที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ เติบโตได้เพราะ ปัญหาในชีวิตที่เขามีทั้งนั้น

 
4.ปรับมุมมองต่อสิ่งรอบกาย
เหตุการณ์ร้ายๆ ในชีวิตมักจะทำให้เราตระหนักได้ว่าอะไรกันแน่ที่มีค่าในชีวิตของเรา อาจจะเป็นครอบครัว คนที่เรารัก เพื่อนสนิท แทนที่จะมานั่งหาคำตอบทุกคำตอบให้กับปัญหาและสิ่งที่เกิดขึ้น ลองปรับมุมมองของคุณดู บางทีคำตอบมันอาจจะอยู่ในนั้นเองก็ได้ 

 

5.หัวเราะใส่ปัญหานั้น มันอาจจะช่วยคุณ
ไม่มีใครเคยบอกว่า การเศร้าโศกเสียใจ หรือการโกรธจะทำให้คุณแก้ปัญหาต่างๆ ได้ และบางครั้งการยิ้มให้กับมัน หรือ หัวเราะให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะทำให้คุณรู้สึกดี เพราะถึงจุดที่คุณหัวเราะใส่มันได้ คือการที่คุณยอมรับความจริงของธรรมชาติได้ว่า มันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบบนโลกใบนี้ ปัญหาเกิดขึ้นได้ และคุณก็ยอมรับมัน พอเวลาผ่านไป เวลาที่คุณเล่าปัญหานั้นๆ ให้เพื่อนฟัง หรือลูกหลานฟัง เชื่อสิ คุณจะยิ้มและหัวเราะอย่างภูมิใจที่คุณก้าวผ่านมันมาได้

 
6.เลือกมีความสุขกับความทรงจำที่ดี
ความทรงจำมีทั้งดีและร้าย ความทรงจำที่ดี สามารถช่วยคุณได้ มันทำให้้คุณซาบซึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคน ว่าคุณเดินทางมาไกลแค่ไหนแล้ว คุณมีประสบการณ์ดีๆ ที่จะหล่อเลี้ยงหัวใจของคุณต่อไปได้ เพราะการซาบซึ้งกับสิ่งดีๆ ในชีวิตจะทำให้คุณมีพลังด้านบวกในการเดินหน้าอย่างดีเลยทีเดียวล่ะ

 
7.เริ่มใหม่ก็ได้ ไม่เห็นเป็นอะไร
ไม่ว่าคุณจะเดินมาไกลแค่ไหนในเรื่องๆ นั้นที่คุณล้ม ทุกคนเริ่มใหม่ได้เสมอ ไม่มีคำว่าสายเกินไป คนจำนวนไม่น้อยใช้ชีวิตอยู่กับความผิดพลาดในอดีต และล้มเลิกทุกอย่าง คนพวกนี้กดดันตัวเองมากเกินไป และไม่ยอมปล่อยช่องว่างให้ความผิดพลาดเกิดขึ้น ทุกอย่างต้องเป๊ะ ต้องเพอร์เฟ็ค และพอมีความผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับมันได้ นี่คือความคิดที่ผิดมากๆ ที่ไม่ควรใช้ชีวิตกับมัน เพราะสุดท้าย คุณจะไม่สามารถมีความสุขในชีวิตได้เลย สิ่งเดียวที่คุณควรปรับคือยอมรับความจริงว่า “ความไม่สมบูรณ์แบบ” คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์ มันคือสัจธรรม หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น ยอมรับความจริง หากแก้ไม่ได้ เริ่มต้นใหม่เสีย
ความล้มเหลวเกิดขึ้นได้ มันมีเพื่อให้เราได้เรียนรู้ จงเดินหน้าต่อไป ให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งคนอื่นและตัวคุณเอง แล้วคุณจะโตและแข็งแกร่งขึ้นเมื่อผ่านมันไปได้ เชื่อสิ…